โควิด19 หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ทำงานที่บ้านได้ง่ายๆ ด้วย 7 แอพ
( โควิด19 หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ทำงานที่บ้านได้ง่ายๆ ด้วย 7 แอพ ) Covid-19 กำลังระบาดอย่างหนัก หลายคนทำงานแบบ Work from home กันมากขึ้น เพราะถึงสถานการณ์จะไม่สู้ดีนัก แต่ภาระงานกลับเยอะขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นเราต้องเตรียมตัวรับมือกับการทำงานให้พร้อม เนรมิตห้องนอนให้กลายเป็นห้องทำงานที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และไม่ลืมที่จะมีแอปพลิเคชันที่จะช่วยให้การทำงานของคุณเป็นไปง่ายขึ้น สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าแอปพลิเคชันหรือโปรแกรมใดบ้างที่ต้องมีติดคอมพิวเตอร์ของคุณไว้ วันนี้เราก็มี 7 แอพที่จะช่วยให้คุณทำงานง่ายขึ้น มาบอกกันแล้วดังนี้
ทำไมต้องใช้แอพ การใช้แอพช่วยงานมีข้อดีอย่างไร?
หลายคนที่ชินกับการทำงานที่ออฟฟิศ อาจปรับตัวได้ยาก เมื่อต้องเปลี่ยนมาทำงานแบบ Work from home มากขึ้น เพราะมองว่าการทำงานผ่านแอปพลิเคชันเป็นเรื่องยาก เนื่องจากมีความซับซ้อนมากมาย แต่หากคุณลองเปิดใจ และเรียนรู้วิธีการทำงาน จะเห็นว่าแท้จริงแล้ว การทำงานผ่านแอปพลิเคชันก็ไม่ต่างจากการทำงานที่ออฟฟิศมากนัก เพียงแค่บรรยากาศหรือสิ่งแวดล้อมรอบตัวคุณได้เปลี่ยนไปแค่นั้น แถมประสิทธิภาพในการทำงานก็ไม่ได้ลดลงอย่างที่คุณคิด หรือคุณอาจลองหากิจกรรมแก้เบื่อเมื่อ WFH ทำควบคู่ไปด้วยก็ได้ ฉะนั้นแล้ว ลองมาดูข้อดีของการใช้แอพในการทำงานกันดีกว่า
1.สื่อสารได้อย่างสะดวก รวดเร็ว
- สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการทำงาน คือการสื่อสาร เมื่อทุกคนในออฟฟิศต้องทำงานที่บ้าน อาจทำให้การสื่อสารภายในองค์กร เกิดความยุ่งยากมากขึ้น อีกทั้งการพูดคุยหรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นก็ยังเป็นไปไม่ค่อยสะดวก แต่หากคุณมีแอปพลิเคชัน อย่าง Zoom, Webx ก็อาจช่วยให้การสื่อสารของคุณรวดเร็ว และสามารถเห็นหน้ากันได้ครบทุกคน ไม่ว่าจะประชุมงาน คุยงาน หรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นก็สามารถทำได้อย่างเต็มที่ ช่วยให้คุณดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่ขาดช่วงต่อและการติดต่อกับเพื่อนร่วมทีม
2.ลดการติดเชื้อโควิด-19
- หากคุณเลือกที่จะไม่ใช้แอปพลิเคชันในการทำงานที่บ้าน แต่เลือกออกไปทำงานจริงที่ออฟฟิศ ย่อมทำให้คุณเกิดความเสี่ยงในการติดโรคโควิด-19 มากขึ้น อีกทั้งการทำงานในออฟฟิศก็ใช้แอปพลิเคชัน ที่คุณสามารถโหลดขึ้นเองที่บ้านได้ แตกต่างกันเพียงแค่สภาพแวดล้อมเท่านั้น ดังนั้นลดการออกจากบ้านและทำงานแบบ Work from home จะดีที่สุด คุณอาจเข้าออฟฟิศเพียงแค่ไปประชุมใหญ่ หรือมีธุระสำคัญเท่านั้น เพราะตอนนี้นโยบายหลักของรัฐบาล คือการรณรงค์ให้ทุกคนออกจากบ้านน้อยที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อเป็นวงกว้าง
3.ฟังก์ชันหลากหลาย
- ด้วยความที่เทคโนโลยีในปัจจุบันมีความก้าวหน้า และทันสมัยอย่างมาก สอดคล้องกับประเทศไทยที่ก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล 5.0 ทำให้เรื่องของการสื่อสารและแอปพลิเคชันมีความหลากหลาย ในเวลานี้หากคุณต้องการจะคุยกับเพื่อนร่วมงาน เพียงมีแอปพลิเคชันที่เหมือนกันทุกคน ก็สามารถพูดคุยและสื่อสารได้ตามปกติ อีกทั้งยังสามารถบันทึกการสนทนา หรือเปิดกล้องให้เห็นหน้าได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถแชร์สิ่งที่คุณกำลังดูหรือข้อมูลต่างๆ ให้เพื่อนเห็นได้ทันที ทำให้การสื่อสารของคุณทันกันอยู่เสมอ ไม่ได้เว้นระยะห่างเหมือนกับนโยบาย Social distance นั่นเอง
4.เก็บข้อมูล และบันทึกสถิติได้อย่างแม่นยำ
- แม้ว่าหลายคนเชื่อว่ามนุษย์สามารถจดจำรายละเอียดได้ดีกว่าเครื่องจักร แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวหน้าไปมาก เพียงคุณมีแอปพลิเคชันเดียวในมือถือ ก็สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลการทำงานของคุณได้ อย่างเช่น Google Drive ที่คุณสามารถเก็บบันทึกงานหรือสถิติต่างๆ และเปิดดูได้ตลอดเวลา ไม่จำเป็นต้องพกพาเอกสารให้ยุ่งยากอีกต่อไป นอกจากนี้ยังทำให้ชีวิตคุณง่ายยิ่งขึ้น เพราะสามารถใช้คำนวณตัวเลขต่างๆ ได้ เพราะในแอปพลิเคชัน มีฟังก์ชันที่ช่วยให้คุณคำนวณผลลัพธ์ได้อย่างแม่นยำ เพราะได้ย่อโปรแกรม Excel ขนาดเล็กมาให้คุณใช้เรียบร้อย
แนะนำ 7 แอพที่ช่วยให้การทำงานที่บ้านง่ายขึ้น
เมื่อทราบถึงข้อดีของการทำงานผ่านแอปพลิเคชันไปแล้ว หลายคนเริ่มสงสัยว่า เราควรมีแอปพลิเคชันใดบ้างที่ติดมือถือไว้ เพราะมีมนุษย์ทำงานหลายคนที่ไม่ได้เก่งเรื่องของไอที หรือไม่มีความสนใจในด้านนี้ อาจทำให้พลาดแอพอะไรดีๆ ไป ซึ่งบอกเลยว่าในเวลานี้มีแอพดีๆ เจ๋งๆ ที่ช่วยให้คุณทำงานได้อย่างสะดวกขึ้นมากมาย รับรองเลยว่าจะทำให้การ Work From Home ของคุณ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นลองมาดูกันว่าแอปพลิเคชันใดบ้าง ที่คุณควรมีไว้ใช้ทำงาน
1.Google Drive
เริ่มกันที่แอปพลิเคชันสำคัญที่คุณต้องมีอย่าง Google Drive บางครั้งการทำงานคุณไม่จำเป็นต้องทำคนเดียว เพื่อนๆ อาจจะเข้ามาช่วยปรับแก้งานของคุณได้ตลอดเวลา แต่ถ้าจะให้ส่งไปส่งมาก็กลัวจะไร้ประสิทธิภาพ และเสียเวลามากขึ้น เจ้าแอพ Google Drive คือพื้นที่รับฝากงานที่ให้ความจุคุณมากกว่า 15 gb คุณสามารถเข้าไปสร้างข้อมูล ทำงานต่างๆ และแชร์ลิงค์ให้เพื่อนๆ เข้ามาทำงานร่วมกับคุณได้ตลอดเวลา เพียงแค่คุณมีอินเทอร์เน็ต โดยคุณสามารถสร้างโฟลเดอร์แบ่งย่อยข้อมูลได้อย่างสะดวก แถมมีฟังก์ชันทำงานได้หลากหลาย ทั้ง Word, presentation, Excel ฯลฯ
2.WebEx
ต่อด้วยแอปพลิเคชันที่ช่วยให้การประชุมของคุณง่ายยิ่งขึ้น กับแอพ “WebEx” ที่คุณสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งในมือถือและคอมพิวเตอร์ ซึ่งแอพนี้คุณจะสามารถประชุมกับทีมงานได้อย่างครบถ้วน สูงสุดถึง 40,000 คน อีกทั้งยังบันทึกการประชุมได้ สามารถเชื่อมต่อได้อย่างสะดวกเพียงแค่คลิกเข้าลิงค์ ก็จอยกันได้แบบสบายๆ นอกจากนี้ยังสามารถแชร์ลิงค์หรือข้อมูลที่เป็นประโยชน์ระหว่างการประชุมได้ ให้ความรู้สึกเหมือนเวลาที่คุณเรียนออนไลน์แล้วอาจารย์แชร์สไลด์นั่นเอง ซึ่งองค์กรไหนที่กำลังปรับตัวมาทำงานที่บ้าน แอพนี้จะช่วยให้คุณไม่ขาดการสื่อสารภายในองค์กร
3.Trello
สำหรับใครที่เป็นสายลุยงานแบบโปรเจกต์ แอพนี้ไม่ควรพลาด! เพราะคุณสามารถติดตามขั้นตอนการทำงานได้ตั้งแต่จนจบโปรเจกต์ โดยในแอพจะมีเครื่องมือการจัดการในรูปแบบการ์ด ที่คุณสามารถนำขั้นตอนการทำงานของคุณทุกรูปแบบไปใส่ไว้ในกระดานข้อมูล เช่น รูปภาพ ข้อความ ไฟล์งานต่างๆ ซึ่งคุณสามารถระบุเวลาทำงาน ส่งงานได้อย่างละเอียด อีกทั้งคุณและทีมงานยังเห็นภาพรวมการทำงานได้อย่างครบถ้วน ถึงแม้จะไม่ได้พูดคุยหรือเจอกันต่อหน้า แต่ก็ยังสามารถติดตามกันทำงานได้ตลอดเวลา
4.Zoom
มาถึงแอปพลิเคชันที่มาแรงสุดๆ ในเวลานี้ อย่างแอพ “Zoom” บริการวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ที่ช่วยให้คุณประชุมสายแบบเห็นหน้าได้ถึง 50 คน และในระหว่างที่คุณกำลังประชุมยังสามารถบันทึก และแสดงข้อมูลต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน นอกจากนี้ยังมีระบบออโต้ที่ช่วยให้คุณตอบโต้กันได้อย่างสะดวกในขณะที่กำลังวิดีโอคอล เช่น ระบบยกมือถามคำถามหรือตั้งข้อสงสัย , แชทส่วนตัวที่คุณสามารถพูดคุยกับผู้ร่วมประชุมในสายได้ ฯลฯ เรียกได้ว่าเป็นแอปพลิเคชันที่ตอบโจทย์การทำงานของคนไทยอย่างมาก
5.Slack
บางสายงานเมื่อต้องทำงานที่บ้าน อาจทำให้การทำงานขาดประสิทธิภาพได้ เพราะต้องมีการสื่อสารและประสานงานตลอดเวลา ดังนั้นเมื่ออยู่บ้านจึงทำได้ไม่สะดวก ซึ่งแอปพลิเคชัน Slack ได้สร้างมาเพื่อตอบโจทย์คนที่ทำงานเป็นทีม โดยระบบส่งข้อความจะถูกแบ่งตามชาแนลต่างๆ ที่ทีมงานของคุณสามารถเข้าและออกได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงไม่มีใครที่จะได้รับข้อมูลหรือข้อความที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวเอง และทุกคนยังสามารถพูดคุยเฉพาะกลุ่มในกระทู้อื่นได้ ซึ่งทำให้ข้อความไม่ไปรบกวนกลุ่มหลักที่กำลังสื่อสารกันอยู่นั่นเอง
6.ไลน์
เชื่อว่าหลายคนต้องใช้แอปพลิเคชันนี้เป็นการสื่อสารหลักอย่างแน่นอน และปัจจุบันไลน์ได้กลายเป็นแอพทำงานของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง เพราะสามารถติดต่อสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว และสร้างไลน์กลุ่มแยกคุยงานโดยเฉพาะ หรือคุณจะสร้างแชทเดี่ยวที่เอาไว้เก็บงานหรือข้อความส่วนตัวได้ ซึ่งต้องระวังในจุดนี้ เพราะในไลน์มีระยะเวลาในการเก็บไฟล์ไม่นาน ซึ่งในเวลาที่ทุกคนต้องเก็บตัวอยู่บ้านอย่างนี้ คงไม่มีแอปพลิเคชันใดที่จะทำให้ทุกคนตอบแชทได้อย่างรวดเร็ว เท่ากับไลน์อีกแล้ว นอกจากนี้จะช่วยให้คุณอัปเดตงาน และตามงานได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น
7.Dropbox
ปิดท้ายด้วยแอปพลิเคชันสำหรับส่งงาน อย่าง Dropbox บริการจัดข้อมูลในระบบ Cloud ที่ทำให้ชีวิตการทำงานของคุณสะดวกยิ่งขึ้น มาพร้อมพื้นที่เก็บไฟล์ที่ให้คุณมากถึง 2TB ช่วยเก็บไฟล์งานที่มีขนาดใหญ่ อย่างคลิปวิดีโอ , หรือไฟล์งานสำหรับตัดต่อได้ เพียงคุณนำข้อมูลหรือไฟล์งานใส่ไปข้างนอกแอพ และเปิดเป็นระบบแชร์ไฟล์ จะช่วยให้คุณแชร์ข้อมูลให้เพื่อนได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งดาวน์โหลดงานเก็บไว้ได้อีกด้วย
ข้อดีของการทำงานที่บ้าน
หลายคนมองว่าการทำงานที่บ้าน จะช่วยลดประสิทธิภาพในการทำงานได้ เพราะเมื่ออยู่บ้านกลับรู้สึกอยากทำงานน้อยลง ขี้เกียจมากขึ้น จนกลายเป็นภาวะหมดไฟ เพราะแทบไม่ได้ออกจากบ้านไปสูดอากาศบริสุทธิ์ หรือเป็นโลกทัศน์ใหม่ๆ จึงไม่แปลกที่จะทำให้รู้สึกเบื่อเมื่อต้องอยู่บ้านได้ แต่หากคุณพิจารณาดีๆ การทำงานที่บ้าน แฝงข้อดีต่อสุขภาพและการทำงานของคุณไว้อย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งใครที่อยากรู้ว่าการทำงานที่บ้านดีอย่างไร เรามีข้อดีมาบอกกัน
1.ลดความเครียด
- บางครั้งการทำงานในออฟฟิศ ก็รู้สึกตึงเครียดเกินไป เพราะมองไปรอบๆ ก็เจอแต่บรรยากาศเดิมๆ อีกทั้งเพื่อนรอบข้างยังตั้งหน้าตั้งตาทำงานกันอย่างแข็งขัน จึงทำให้มนุษย์ออฟฟิศบางคนรู้สึกกดดันได้ อีกทั้งยังทำให้ขาดความคิดสร้างสรรค์ เพราะแค่ทำงานให้จบไปวันๆ แต่เมื่อคุณได้ทำงานที่บ้าน จะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น เพราะไม่ต้องมีใครมากดดัน แถมเป็นบรรยากาศที่คุ้นเคย ทำให้คุณทำงานได้อย่างสบายใจ ลดความเครียด และมีโอกาสได้พิสูจน์ฝีมืออย่างแท้จริง แต่ถ้าคุณฟังเพลงพร้อมทำงานไปด้วย คุณอาจอยากลองอ่านบทความนี้ ฟังเพลงไปด้วย ทำงานไปด้วย ดีไหม?
2.ประหยัดเงิน
- ในภาวะวิกฤติแบบนี้ หลายคนเริ่มเก็บเงินกันมากขึ้น เพราะดูท่าเศรษฐกิจจะแย่ลงเรื่อยๆ และนับวันเงินเดือนที่มีก็ยิ่งไม่พอใช้ เพราะมีภาระมากมาย แต่เมื่อได้ทำงานที่บ้านจะช่วยให้คุณประหยัดค่าเดินทางไปถึง 20% ของเงินเดือน ทำให้คุณมีเงินออมมากขึ้น และมีเงินฉุกเฉินไว้ใช้ในสถานการณ์ที่ลำบากได้
3.มีเวลาส่วนตัวเพิ่มมากขึ้น
- หลายคนทำงานหนักจนไม่มีเวลา แต่เมื่อได้ทำงานแบบ Work From Home ทำให้คุณมีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น คุณสามารถแบ่งปันเวลาส่วนหนึ่งจากการทำงาน ไปทำในสิ่งที่คุณรักได้ หรือจะทำกิจกรรมที่ช่วยทำให้ที่อยู่อาศัยของคุณดีขึ้น อย่างทำความสะอาดบ้าน จัดโต๊ะทำงาน หรือใครมีกิจกรรมที่ชอบทำในช่วงนี้ ก็สามารถทำได้อย่างเต็มที่ เพราะคุณจะมีเวลาว่างมากขึ้นอย่างมาก
4.ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า
- ข้อนี้คือสิ่งสำคัญที่ทำให้ทุกคนได้ทำงานที่บ้าน เพราะยอดผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อมีเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ไวรัสกระจายอยู่ทั่วทุกหนแห่ง ทำให้การออกจากบ้านมีความเสี่ยงอย่างมาก และสถิติบอกว่าคนทำงานมีค่าเฉลี่ยที่จะติดโรคได้สูงกว่า วัยอื่นๆ เพราะต้องมีการเดินทางไปทำงานตลอดเวลา ทำให้การกักตัวอยู่บ้านในช่วงนี้ คือวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด
5.ได้ทดลองทำสิ่งใหม่ๆ
- เมื่อได้อยู่บ้านคุณก็มีเวลาทำสิ่งต่างๆ เพิ่มมากขึ้น เริ่มจากได้เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ว่ามีแอปพลิเคชันใดบ้าง ที่ช่วยให้การทำงานที่บ้านง่ายขึ้น หรือลองทำอะไรใหม่ๆ ที่คิดว่าจะทำได้ เช่น การเข้าครัวทำอาหาร หลายคนไม่อยากออกจากบ้านก็เลยโชว์ฝีมือทำกับข้าวให้คนในครอบครัวทาน หรือบางคนผมยาวรู้สึกอยากตัดผม อาจตัดผมด้วยฝีมือของตัวเองทุกความสามารถที่หลบซ่อนอยู่ เวลานี้คุณจะได้หยิบมาใช้อย่างเต็มที่ และทำให้คุณมีสกิลใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น
6.มีเวลาออกกำลังกาย
- เรื่องของการออกกำลังกายถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก แต่ที่ผ่านมามนุษย์ออฟฟิศหลายคนมักจะบอกกันว่าไม่มีเวลาออกกำลังกาย เนื่องจากทำงานหนัก กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็มืดค่ำและเหน็ดเหนื่อย แต่จากนี้ไปเมื่อคุณได้ทำงานอยู่ที่บ้านก็ย่อมทำให้มีเวลาในการลุกมาออกกำลังกายเพิ่มมากขึ้น อย่างน้อยๆ ให้คิดซะว่าช่วงเวลาในการเดินทางไป-กลับระหว่างบ้านและที่ทำงานอย่างน้อย 30-40 นาทีก็อาจทำให้คุณชดใช้เวลาตรงนี้มาออกกำลังกายเพื่อสุขภาพและรูปร่างที่ดีได้แล้วตั้งเยอะ
7.นอนพักผ่อนได้อย่างเต็มอิ่ม
- หลายคนที่ทำงานออฟฟิศ มักจะต้องรีบตื่นแต่เช้าไปเพื่อไปทำงานกว่าจะกลับถึงบ้านก็มืดค่ำ ทำให้ช่วงเวลาในการพักผ่อนนอนหลับอย่างเต็มอิ่มนั้นหายไป แต่ช่วงเวลาที่ได้ทำงานที่บ้านนี้นั่นเองที่จะทำให้คุณสามารถจัดสรรช่วงเวลานอนใหม่ให้เต็มอิ่มได้อีกครั้ง ดังนั้น ใครที่ไม่เคยนอนครบวันละ 7-8 ชั่วโมงก็จงเติมเต็มการพักผ่อนให้เต็มอิ่มในช่วงวิกฤตโควิดได้เลย
8.ทำให้มีสมาธิในการทำงานมากขึ้น
- จริงอยู่ที่การทำงานที่ออฟฟิศอาจจะทำให้งานออกมามีประสิทธิภาพ แต่อย่าลืมว่าหากคุณได้ใช้เวลาทำงานแบบสงบนิ่งเงียบๆ คนเดียวโดยที่ไม่มีใครรบกวนหรือไม่มีเสียงดังจากคนรอบตัว อาจจะทำให้งานของคุณออกมามีประสิทธิภาพที่ดียิ่งกว่า เนื่องจากคุณได้นั่งทำงานอย่างมีสมาธิ ซึ่งแน่นอนว่าคุณจะสามารถโฟกัสแต่งานเป็นหลักได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ในข้อนี้จะถือว่าเป็นผลดีต่อคนที่ไม่มีสมาชิกในบ้านมากนัก หรือนั่งทำงานในห้องนอนส่วนตัวเงียบๆ แต่หากมีสมาชิกในบ้านที่ต้อง Work from home เช่นกัน หรือที่บ้านมีคนอาศัยอยู่เยอะก็ต้องบอกให้ทุกคนเข้าใจ เพื่อจะได้ให้ความร่วมมือในเรื่องงานแก่คุณไปด้วย
ข้อระมัดระวังในการทำงานที่บ้าน
หลายคนทราบข้อดีของการทำงานที่บ้านไปแล้ว อาจทำให้รู้สึกสบายใจและได้พักผ่อนเพิ่มมากขึ้น แต่รู้หรือไม่! ว่าการทำงานที่บ้านบางครั้งอาจมีอุปสรรคเกิดขึ้น และส่งผลให้การทำงานของคุณไม่มีประสิทธิภาพเหมือนเดิม เราเลยมีข้อระมัดระวังในการทำงานที่บ้าน มาเตือนทุกคนกัน
1.มลภาวะทางเสียง
- ข้อนี้เราจะพูดถึงในกรณีที่ตรงกันข้ามกับข้อก่อนหน้า โดยหากคุณได้หยุดอยู่บ้าน คนอื่นๆ ก็อาจได้หยุดเช่นกัน หรือรอบตัวของคุณอาจจะมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้คุณไม่สามารถควบคุมมลภาวะทางเสียงได้ ซึ่งแน่นอนว่าย่อมทำให้วันหยุดสุดสงบที่คุณฝันหาถึงกับสลายหายไปได้ เพราะมลภาวะทางเสียง อาจดังขึ้นกว่าเดิม เช่น ข้างห้องเปิดทีวี เปิดเพลงเสียงดัง หรือเสียงของสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่ไม่หยุดการทำงาน ทำให้คุณต้องเผชิญกับปัญหาทางเสียงที่ส่งผลให้การทำงานไม่เป็นไปอย่างมีสมาธิ และอาจทำให้คุณเครียดกว่าเดิมได้ ดังนั้นลองเลือกเวลาในการทำงานให้ดี หรือหาตัวช่วยเพื่อให้เสียงรอบข้างเงียบขึ้น อย่างการใช้หูฟังนั่นเอง
2.ความเร็วอินเทอร์เน็ตไม่เพียงพอ
- การทำงานที่บ้านสำหรับบางคนอาจได้เฮ เพราะมีอุปกรณ์พร้อม! แต่สำหรับใครที่อยู่หอพัก อาจต้องเสียน้ำตา เพราะไม่มีอินเทอร์เน็ตที่แรงพอจะทำงานได้ เนื่องจากต้องเสียค่าส่วนต่างเพิ่ม ทำให้หลายคนเลือกจะใช้เน็ตจากโทรศัพท์มือถือนั่นเอง พอเมื่อต้องทำงานที่บ้านแล้ว อาจทำให้ค่าโทรศัพท์เพิ่มมากขึ้น และการคุยงานหรือการทำงานอาจสะดุดเพราะเน็ตไม่แรงพอก็เป็นได้ ทางที่ดีควรสมัครแพ็กเกจโปรเสริม เพื่อช่วยให้การทำงานของคุณสะดวกรวดเร็วทันใจ
3.ขี้เกียจ ทำงานไม่เป็นระบบ
- หลายคนเมื่อได้นั่งทำงานที่บ้าน ก็ย่อมรู้สึกว่าช่วงเวลาแห่งวันหยุดและวันทำงานคือ ช่วงเวลาเดียวกัน หลายคนจึงรู้สึกอยากจะให้เวลาตัวเองให้พักผ่อนคลายบ้าง เช่น อาจจะนอนเยอะขึ้น (นอนจนกินเวลาทำงาน) พูดง่ายๆ ว่ารู้สึกเริ่มขี้เกียจนั่นเอง บวกกับคิดว่าจะทำงานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้ส่งงานทัน ทำให้ระบบการทำงานไม่เป็นไปตามแบบแผนที่วางไว้ และส่งผลให้แผนงานรวนออกไปได้ นี่ก็อาจเป็นข้อเสียที่คุณจะต้องควบคุมตัวเองให้ได้ และต้องสะบัดไล่ตัวขี้เกียจออกไปด้วย เพราะไม่เช่นนั้น งานของคุณอาจจะออกมามีประสิทธิภาพเหมือนเช่นตอนอยู่ออฟฟิศก็เป็นได้ คุณอาจลองหาไอเดียจัดโต๊ะทำงานเพื่อเพิ่มแรงกระตุ้นให้กับตัวเอง
4.ทำงานล่าช้า
- ด้วยปัจจัยหลายอย่างดังที่กล่าวไปข้างต้น เช่น ขี้เกียจ และติดพักผ่อนนาน บวกกับการทำงานที่บ้านอาจดีตรงที่ไม่ได้เผชิญหน้ากับเจ้านายหรือหัวหน้าตรงๆ ก็ย่อมทำให้รู้สึกกดดันเรื่องงานน้อยลง เพราะไม่ต้องมีใครมาคอยจู้จี้สั่งงานแบบใกล้ชิด หรือโดนจับตามองเรื่องการทำงานแบบคุมเข้มตลอดเหมือนที่ผ่านมา เพราะฉะนั้น หลายคนที่วางแผนและลงมือทำงานอย่างไม่มีวินัย บวกกับความรู้สึกติดสบาย จนใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างเฉื่อยแฉะ ก็ย่อมทำให้งานออกมาล่าช้าได้นั่นเอง
และนี่ก็คือสิ่งที่คุณจะต้องเตรียมรับกับสถานการณ์เมื่อต้อง Work from home และสำหรับใครที่ต้องทำงานอยู่บ้าน ลองนำ 7 แอปพลิเคชันที่เราแนะนำ ไปโหลดใช้กันดู รับรองจะจะช่วยให้การทำงานของคุณสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ และหากใครที่รู้สึกเบื่อการอยู่บ้าน ลองหากิจกรรมใหม่ๆ หรือทำในสิ่งที่ชอบมากขึ้น จะช่วยคลายความเบื่อให้คุณได้อย่างดี นอกจากนี้อย่าลืมกักตัวอยู่บ้าน ตามนโยบาย “หยุดเชื้อ เพื่อชาติ”