โคโรน่าไวรัส กับ 7 วิธีซักผ้าง่ายๆ ที่ผู้เชี่ยวชาญแนะให้ทุกคนทำในช่วงนี้

herworldthai-cover (54)
เชื้อCOVID-19สามารถอยู่บนเสื้อผ้าได้อย่างน้อย8-12ชั่วโมง เราไม่ควรมองข้ามเรื่องเสื้อผ้าที่สวมใส่และ 7 วิธีซักผ้าง่ายๆ ที่ผู้เชี่ยวชาญแนะให้ทุกคนทำในช่วงนี้
เนื้อหา ซ่อนเนื้อหา

โคโรน่าไวรัส กับ 7 วิธีซักผ้าง่ายๆ ที่ผู้เชี่ยวชาญแนะให้ทุกคนทำในช่วงนี้

( 7 วิธีซักผ้าง่ายๆ ที่ผู้เชี่ยวชาญแนะให้ทุกคนทำในช่วงนี้ ) ในช่วงที่โคโรน่าไวรัส หรือ COVID-19 กำลังระบาดอย่างหนักนี้ หลักการปฏิบัติเมื่อต้องออกไปข้างนอกที่หลายคนรับทราบกันดี คือการสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้งที่สัมผัสสิ่งของสาธารณะ กินอาหารในจานตัวเอง ไม่กินร่วมกับบุคคลอื่น หรือบางคนอาจจะเลือกการกินฟ้าทะลายโจร และมี Social Distancing หรือระยะห่างกับบุคคลอื่น ๆ อย่างน้อย 2 เมตร ซึ่งก็ช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ดีระดับหนึ่ง

การซักผ้าในช่วงโควิด

แต่รู้หรือไม่ว่า เชื้อ COVID-19 ยังสามารถอยู่บนเสื้อผ้าและกระดาษทิชชู่ได้อย่างน้อย 8-12 ชั่วโมง แม้จะดูแลตัวเองดีแค่ไหน แต่ถ้าหากไม่ได้เอาใจใส่ หรือมองข้ามเรื่องเสื้อผ้าที่สวมใส่ไป ก็ยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้อยู่ดี เพราะฉะนั้นนอกจากวิธีล้างผลไม้ให้ปลอดสารพิษแล้ว บทความนี้เราจึงขอแนะนำการซักเสื้อผ้า 7 วิธี เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโคโรน่าไวรัสได้อย่างมากขึ้น

1.ใส่เสร็จแล้วควรซักทันที ไม่ควรนำกลับมาใส่ซ้ำ

  • โดยปกติแล้ว คนทั่วไปคงจะไม่ได้ใส่เสื้อผ้าซ้ำกันอยู่แล้ว เพราะแต่ละวันเราต้องเจอกับสิ่งสกปรกมากมาย รวมถึงคราบเหงื่อไคลที่ไหลออกจากร่างกายของเรา แต่อย่าลืมว่า ยังมีเสื้อผ้าบางอย่างที่เรามักจะหยิบมาใช้ซ้ำกันบ่อย ๆ ด้วยความเคยชิน เช่น กางเกงยีนส์ หรือชุดนอน เป็นต้น มีผู้ชายหลายคนที่ชอบใส่กางเกงยีนส์ซ้ำหลาย ๆ ครั้ง หรืออาจถึงขั้นเป็นเดือน ๆ เพื่อให้กางเกงอยู่ทรงและเป็นเฟดสวย และมีคนจำนวนไม่น้อยที่ใส่ชุดนอนซ้ำกัน 2-3 คืนถึงจะเอาไปซัก พฤติกรรมประเภทนี้ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ หากเผลอใส่เสื้อผ้าเหล่านี้ออกไปข้างนอก แล้วเอากลับมาใส่ซ้ำเรื่อย ๆ  เพราะฉะนั้นในระหว่างนี้ให้หยุดใส่เสื้อผ้าซ้ำกันไปก่อน กลับจากข้างนอกให้เปลี่ยนชุดแล้วถอดผ้าโยนลงตะกร้าไปเลย หากไม่อยากซักกางเกงยีนส์ก็ให้งดใส่ไปก่อนในช่วงนี้

2.ตากเสื้อผ้าในที่ที่มีแดดจัด

  • ถึงแม้ว่าการซักผ้าด้วยผงซักฟอก หรือน้ำยาซักผ้า ก็สามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้อย่างหมดจดอยู่แล้ว แต่ก็น่าจะดีไม่น้อยหากเอาผ้าไปตากในที่ที่มีแดดจัด เพื่อช่วยฆ่าเชื้อโรคซ้ำอีกครั้ง ที่กล่าวแบบนี้ เพราะบางคนชอบตากผ้าในที่ร่ม โดยเฉพาะคนที่ซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้าและปั่นแห้งเพื่อให้ผ้าหมาดอยู่แล้ว เอาไปผึ่งลมเพียงไม่นานผ้าก็จะแห้งสนิท อย่างไรก็ตาม มีผ้าบางชนิดที่อาจจะต้องระวังไม่ตากกลางแดดจัด รวมถึงไม่ตากแดดเป็นเวลานาน ๆ  เพราะอาจทำให้สีผ้าเปลี่ยน หรือหมองลงไปกว่าเดิม

3.ผึ่งเสื้อผ้าในที่ที่มีแดดบ้าง

  • นอกจากการตากผ้ากลางแดดแล้ว การผึ่งเสื้อผ้าในที่ที่มีแดดก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน แต่กรณีนี้อาจจะเหมาะสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องใส่เสื้อผ้าซ้ำ หรือไม่สะดวกที่จะซักเสื้อผ้าบ่อย ๆ มากกว่า ถ้ารู้ตัวว่าคุณไม่สะดวกที่จะซักเสื้อผ้าทุกวัน ในทุกเช้าก่อนไปทำงาน หรือออกไปทำธุระข้างนอก ให้เอาเสื้อผ้าออกมาผึ่งแดดทิ้งไว้ จะช่วยฆ่าเชื้อโรคได้ส่วนหนึ่ง และถ้าไม่รู้ว่าอะไรบ้างที่ควรเอามาผึ่งแดด ให้เริ่มจากผ้าเช็ดตัวหลังอาบน้ำได้เลย

ซักผ้าช่วงโควิด

4.อย่าลืมซักผ้าปูที่นอนบ่อย ๆ

  • มีบางคนกลับจากข้างนอกแล้วชอบไปนอนเล่นอยู่บนเตียงและโซฟาเป็นเวลานาน ๆ หรืออาจถึงขั้นหลับไปซักงีบเลย กว่าจะลุกไปอาบน้ำและทำกิจกรรมอื่น ๆ หากเป็นเช่นนี้ ในกรณีที่มีเชื้อไวรัสติดเสื้อผ้ากลับมาด้วย ก็มีโอกาสที่เชื้อเหล่านั้นจะปนเปื้อนอยู่บนเครื่องนอน ไม่ว่าจะเป็นผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน และผ้าห่ม เพราะฉะนั้นจึงควรซักผ้าปูที่นอนบ่อย ๆ หากเป็นไปได้ควรซักด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน และเอาไปตากแดดจัด ๆ ด้วย ในส่วนของโซฟา ก็ให้ใช้สเปรย์กำจัดเชื้อโรคทำความสะอาดบ่อย ๆ เช่นกัน เพื่อฆ่าเชื้อโรคที่อาจเกาะอยู่ และถ้าหากมีเวลาว่างมากพอ ให้หมั่นทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ส่วนต่าง ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ ตู้ เตียง เพราะถ้าเผลอเอาเชื้อไวรัสเข้ามาในบ้านแล้ว ก็มีโอกาสที่ไวรัสจะปะปนอยูในทุกพื้นที่

5.กลับถึงบ้านต้องรีบอาบน้ำ

  • ถ้าหากไม่อยากซักผ้าบ่อย ๆ โดยเฉพาะผ้าปูที่นอนที่ต้องออกแรงซักมากกว่าเสื้อผ้าธรรมดา รวมถึงไม่อยากทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์เสมอ ทันทีที่กลับถึงบ้านให้รีบอาบน้ำทันที เพื่อชำระล้างสิ่งสกปรกและเชื้อไวรัสต่าง ๆ ส่วนเสื้อผ้าสามารถทิ้งไว้ในตะกร้ากองรวมกันได้ แต่ไม่ควรหยิบมาซ้ำ หรือหยิบมาเช็ดทำความสะอาดยามฉุกเฉิน เพราะหากเชื้อไวรัสยังมีชีวิตอยู่ ก็จะเริ่มแพร่กระจายไปติดตามส่วนต่าง ๆ ของบ้าน ซึ่งระยะที่ไวรัสจะอยู่บนพื้นผิวต่าง ๆ ก็มีความแตกต่างกันไป เช่น อยู่บนโต๊ะที่มีพื้นผิวเรียบได้นาน 48 ชั่วโมง หรือถ้าเข้าไปอยู่ในตู้เย็น อาจอยู่ได้นานอย่างน้อย 30 วัน อาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสได้

6.ใช้เครื่องอบผ้า

  • หากมีเครื่องอบผ้าอยู่ที่บ้าน หรือมีเครื่องอบผ้าหยอดเหรียญอยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก ถือเป็นโอกาสดีที่จะใช้ประโยชน์จากเครื่องนี้ในช่วงเวลานี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากเครื่องอบผ้ามักจะมีอุณหภูมิประมาณ 70-90 องศาเซลเซียสขึ้นไป (ควรศึกษาการใช้งานให้ดี เพราะหากตั้งอุณหภูมิสูงเป็นเวลานาน ๆ อาจทำให้เสื้อผ้าได้รับความเสียหาย) ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่สามารถฆ่าเชื้อโคโรน่าไวรัสได้อย่างอยู่หมัด แต่ถ้าหากไม่สามารถหาเครื่องอบผ้าได้จริง ๆ ก็ไม่ต้องกังวลใจ หรือไม่ต้องรีบไปหาซื้อใหม่ เพราะการแช่และซักด้วยผงซักฟอกก็สามารถกำจัดเชื้อไวรัสได้ตามปกติอยู่แล้ว และถ้าหากได้รีดผ้าซ้ำอีกครั้งหนึ่ง ไม่ว่าเชื้อโรคจะเก่งแค่ไหน ยังไงก็ไม่เหลือ

หลีกเลี่ยงใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม-COVID

7.เลี่ยงการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม

  • นอกจากทำให้เสื้อผ้านุ่มกว่าปกติ และให้กลิ่นหอมติดเสื้อผ้าแล้ว อีกคุณสมบัติหนึ่งของน้ำยาปรับผ้านุ่ม คือลดการอมน้ำในเนื้อผ้า จึงทำให้ฝุ่นและสิ่งสกปรกต่าง ๆ สามารถเกาะติดเสื้อผ้าได้มากกว่าการซักด้วยผงซักฟอกเพียงอย่างเดียว ไม่ใช่แค่ไวรัสโคโรน่าเท่านั้นที่ต้องระวัง พวกฝุ่น PM 2.5 ก็เสี่ยงต่อการติดบนเสื้อผ้าเหล่านี้ได้เช่นกัน การที่เราแบกฝุ่นและเชื้อโรคติดตัวไปแบบไม่รู้ตัวเช่นนี้ อาจเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อ รวมถึงเป็นโรคภูมิแพ้มากขึ้น และหากมีใครมาสัมผัสตัวเรา ก็มีโอกาสที่เค้าจะได้รับเชื้อโรคไปเช่นกัน ซึ่งก็ถือเป็นการแพร่เชื้ออีกรูปแบบหนึ่งไปในตัว

ทิปส์การดูแลรักษาความสะอาดเพิ่มเติม

นอกเหนือไปจากการซักผ้าด้วย 7 วิธีเบื้องต้นแล้ว ยังมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการซักผ้าและการดูแลรักษาความสะอาดเกี่ยวกับอุปกรณ์ของใช้ใกล้ตัวอีกมากมายที่จะช่วยลดการติดเชื้อ COVID-19 ได้ เช่น

1.ไม่สะบัดเสื้อผ้าที่สวมใส่ทั้งวัน

  • เนื่องจากมีหลายคนที่ชอบทำแบบนี้เพื่อไล่ฝุ่นที่เกาะตามเสื้อผ้า แต่หากเสื้อผ้าเหล่านี้มีเชื้อไวรัสปะปนอยู่ด้วย ก็อาจทำให้เชื้อไวรัสลอยขึ้นไปอยู่บนอากาศแทน

2.ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งที่ซักผ้า

  • คนที่ซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้า ทุกครั้งที่เอาผ้าใส่เครื่องแล้ว ต้องล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนสัมผัสกับใบหน้า เพื่อป้องกันเชื้อไวรัสเข้าสู่จมูก ปาก และลำคอ

3.ปรับอุณหภูมิของน้ำอย่างเหมาะสม

  • อย่าลืมปรับตั้งอุณหภูมิของน้ำให้อยู่ในระดับ 60 องศาเซลเซียสขึ้นไป ก็จะช่วยกำจัดเชื้อโรคไปได้อีกส่วนหนึ่ง

การตากผ้า ซักผ้าช่วงโควิด

4.ทำความสะอาดอุปกรณ์สื่อสารที่ใช้ประจำ

  • ไม่ใช่แค่เสื้อผ้ากับเฟอร์นิเจอร์เท่านั้นที่ต้องดูแล ของใช้ส่วนตัวอย่างโทรศัพท์มือถือ แท็ปเล็ต คอมพิวเตอร์ ก็เป็นอีกอย่างที่ต้องได้รับการทำความสะอาดไม่แพ้กัน โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือที่ควรจะดูแลเป็นพิเศษ หมั่นเอามาทำความสะอาดทั้งหน้าจอและเคสด้วยน้ำเปล่า + สบู่ หรือสเปรย์แอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้นตั้งแต่ 70% ขึ้นไป (ไม่ใช่แค่หน้าจอและเคสเท่านั้น) โดยควรเอาไม้จิ้มฟันพันกับสำลีจุ่มลงในแอลกอฮอล์มาเช็ดตามขอบร่อง รูสำหรับที่ชาร์จและหูฟังด้วย ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากคนเรามักจะหยิบมือถือมาเล่นในที่สาธารณะ ซึ่งก็มีความเสี่ยงที่เชื้อไวรัสจะติดอยู่บนพื้นผิวอย่างเคสโทรศัพท์ หรือบนหน้าจอ หากเราเอาโทรศัพท์มาแนบหน้าเมื่อไร ก็มีโอกาสสูงที่เชื้อไวรัสจะเข้าสู่ร่างกายเราทันที

5.ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เจลบ่อยๆ

  • การที่เราเอามือจับหรือสัมผัสกับลูกบิดประตู รั้วบ้าน กุญแจหรือสิ่งของต่างๆ ที่มือเราอาจจะจับรวมกับผู้คนอื่นๆ แม้แต่คนในบ้านด้วยกันเองก็ตาม ในช่วงที่วิกฤตโควิดยังแพร่ระบาดอยู่อย่างทุกวันนี้ แนะนำให้หมั่นล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เจลอยู่เสมอๆ หากไม่สะดวกที่จะล้างด้วยน้ำสบู่ เพราะอย่างน้อยก็จะช่วยให้มือเราสะอาด ปราศจากเชื้อโรคได้มากยิ่งขึ้น คุณสามารถดูการล้างมือที่ถูกต้องได้ที่บทความ วิธีล้างมืออย่างถูกหลักอนามัย

ทริคการซักผ้าช่วงโควิด

ในยุคที่ไวรัสโคโรน่ายังคงเล่นงานต่อไปอยู่เช่นนี้ แนะนำให้ทุกคนหันมาใส่ใจดูแลตนเองด้วยการรักษาความสะอาดเบื้องต้นง่ายๆ นั่นก็คือ เรื่องของการซักผ้า และดูแลความสะอาดของอุปกรณ์ของใช้ใกล้ตัวร่วมด้วย อีกทั้งควรป้องกันเชื้อโรคด้วยการล้างมือให้สะอาดอยู่เป็นประจำ หรือหากไม่สะดวกล้างด้วยน้ำสบู่ก็ควรล้างด้วยเจล เพื่อให้สุขภาพร่างกายของเรา ห่างไกลจากเชื้อไวรัส Covid-19 นั่นเอง

Share:

Facebook
Twitter
Pinterest
LinkedIn

Leave a Reply

OUR RECENT POSTS

Social Media

Categories

Related Posts