สกินแคร์รักษาสิว แต่ละชนิดต่างกันอย่างไร และเลือกใช้อย่างไรให้เหมาะสม

สกินแคร์รักษาสิว แต่ละชนิดต่างกันอย่างไร และเลือกใช้อย่างไรให้เหมาะสม

การรักษาสิวให้หายขาดนั้นอาจเป็นเรื่องยากสำหรับใครหลายๆคน หากไม่เข้าใจชนิดของสิวและไม่เลือกผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลผิวที่เหมาะสม ทุกวันนี้ตลาดมีสกินแคร์รักษาสิวมากมายหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ครีม, เจลล้างหน้า, โทนเนอร์, ไปจนถึงซีรั่มและสารออกฤทธิ์เฉพาะจุด แต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป และเหมาะสมกับประเภทสิวและสภาพผิวที่ไม่เหมือนกัน บทความนี้จะนำเสนอความรู้เกี่ยวกับ สกินแคร์รักษาสิว พร้อมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับส่วนประกอบสำคัญที่ควรมองหา เพื่อช่วยให้คุณเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับปัญหาผิวของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงคำแนะนำในการใช้สกินแคร์อย่างถูกวิธีเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด


ความสำคัญของการเลือกสกินแคร์ที่เหมาะสมกับปัญหาสิว

ความสำคัญของการเลือกสกินแคร์ที่เหมาะสมกับปัญหาสิว

การเลือกสกินแคร์ที่เหมาะสมกับปัญหาสิวเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการดูแลผิวหน้า แต่ละคนมีลักษณะผิวที่แตกต่างกัน รวมทั้งปัญหาสิวที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณจัดการกับปัญหาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยต่อผิว

ประโยชน์ของการเลือกสกินแคร์ที่เหมาะสมกับสิว

  1. ลดการอักเสบและรอยแดง: การเลือกสกินแคร์ที่มีส่วนผสมออกฤทธิ์ต้านการอักเสบ เช่น อะโลเวรา หรือ น้ำมันต้นชา สามารถช่วยลดการอักเสบและความแดงของสิวได้
  2. ป้องกันการเกิดสิวใหม่: การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสำคัญเช่น กรดซาลิไซลิก และ เบนโซอิล เพอร์ออกไซด์ ช่วยขจัดสิ่งสกปรกและตัวการอุดตันในรูขุมขนที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิว
  3. ลดความมันบนใบหน้า: ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยควบคุมความมัน เช่น โทนเนอร์หรือเจลล้างหน้าสำหรับผิวมัน สามารถลดปัญหาสิวจากความมันส่วนเกินได้
  4. ปรับปรุงสุขภาพผิวให้ดีขึ้น: การใช้สกินแคร์ที่เหมาะสมช่วยให้ผิวได้รับการบำรุงอย่างเหมาะสม ลดการระคายเคือง และปรับสภาพผิวให้แข็งแรง ทำให้ผิวหน้าดูสุขภาพดีและลดโอกาสการเกิดปัญหาผิวต่อไป

ข้อควรพิจารณาในการเลือกสกินแคร์สำหรับสิว

  • ประเภทของสิว: ผู้ที่มีสิวอักเสบควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบรรเทาการอักเสบ ในขณะที่สิวไม่อักเสบอาจต้องการสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของสารลอกเซลล์ผิวเก่า
  • สภาพผิว: ผิวแพ้ง่ายควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและปราศจากน้ำหอมหรือแอลกอฮอล์ ในขณะที่ผิวมันอาจต้องการสกินแคร์ที่มีฤทธิ์ทำความสะอาดล้ำลึก
  • ระยะเวลาใช้ผลิตภัณฑ์: บางผลิตภัณฑ์อาจใช้เวลาสักระยะกว่าจะเห็นผล ดังนั้นควรให้เวลาสกินแคร์แต่ละชนิดทำงานอย่างเต็มที่และสังเกตผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง

ประเภทของสิว

ประเภทของสิว

การรู้จักประเภทของสิวเป็นขั้นตอนสำคัญในการเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับปัญหาผิวของแต่ละบุคคล สิวมีหลายรูปแบบและมีลักษณะที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น

  1. สิวหัวขาว (Whiteheads): เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนด้วยเซบัม (น้ำมันธรรมชาติของผิว) และเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้เกิดปุ่มขาวเล็กๆ ที่ผิวหนัง
  2. สิวหัวดำ (Blackheads): คล้ายกับสิวหัวขาว แต่เปิดที่ผิวหนัง ซึ่งทำให้สิ่งสกปรกที่อุดตันเกิดการออกซิไดซ์และกลายเป็นสีดำ
  3. สิวอักเสบ (Papules and Pustules):
    • Papules: เกิดจากการอักเสบของผนังรูขุมขน ส่งผลให้เกิดสิวปริและมีสีแดง
    • Pustules: คล้ายกับ papules แต่มีหนองที่ปลายสิว เกิดจากการติดเชื้อที่บริเวณรูขุมขนอักเสบ
  4. สิวซีสต์ (Cysts): เป็นสิวที่ลึกและใหญ่ มักมีการติดเชื้อแบคทีเรียอย่างรุนแรง ทำให้เกิดการอักเสบและเจ็บปวด มักทิ้งรอยแผลเป็น
  5. สิวหนอง (Nodules): มีลักษณะคล้ายสิวซีสต์ แต่แข็งและฝังลึกในผิวหนังมากกว่า มักไม่มีหนองและอาจทิ้งรอยแผลเป็นหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม

การระบุประเภทของสิวจะช่วยให้คุณและผู้เชี่ยวชาญสามารถเลือกการรักษาที่เหมาะสมได้ สิวบางประเภทอาจต้องการการรักษาด้วยยาที่แรงขึ้นหรือการรักษาทางการแพทย์เฉพาะทาง ในขณะที่สิวที่ไม่รุนแรงอาจจัดการได้ด้วยการดูแลผิวพื้นฐานที่บ้าน การเข้าใจลักษณะของสิวที่คุณเป็นจะช่วยให้คุณสามารถดูแลผิวของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันปัญหาผิวที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต


ฟอร์มของ สกินแคร์รักษาสิว

ฟอร์มของ สกินแคร์รักษาสิว

การเลือกฟอร์มของสกินแคร์สำหรับรักษาสิวที่เหมาะสมกับปัญหาผิวของคุณสามารถช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ละฟอร์มมีลักษณะและการใช้งานที่แตกต่างกัน ได้แก่

  1. ครีมรักษาสิว: เหมาะสำหรับผิวที่แห้งหรือผิวผสม เพราะมีความชุ่มชื้นสูง ครีมบางชนิดอาจมีส่วนผสมของเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์หรือกรดซาลิไซลิก ซึ่งช่วยในการรักษาสิวและป้องกันการอุดตันของรูขุมขน
  2. เจลล้างหน้า: เป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่มีผิวมันหรือผิวผสม เจลล้างหน้ามักมีส่วนผสมที่ช่วยลดความมันและทำความสะอาดรูขุมขนอย่างล้ำลึก เหมาะสำหรับใช้ทุกวันเพื่อลดการเกิดสิว
  3. โทนเนอร์: ช่วยเสริมการทำความสะอาดผิวหลังล้างหน้า เตรียมผิวให้พร้อมรับสารบำรุงในขั้นตอนต่อไป โทนเนอร์บางชนิดมีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิกหรือกรดอื่นๆ ที่ช่วยในการรักษาสิว
  4. เซรั่มและสารออกฤทธิ์เฉพาะจุด: มักมีสารออกฤทธิ์เข้มข้นกว่าผลิตภัณฑ์อื่นๆ ช่วยรักษาสิวอย่างเฉพาะเจาะจง ซีรั่มอาจมีส่วนผสมของกรดนิโคตินาไมด์ ซึ่งช่วยลดการอักเสบและทำให้รอยดำจากสิวจางลง
  5. แผ่นแปะสำหรับสิว: ใช้แปะตรงบริเวณสิวโดยตรง เพื่อให้สารออกฤทธิ์สามารถทำงานได้อย่างตรงจุดและตลอดเวลา ซึ่งช่วยลดขนาดสิวและป้องกันการติดเชื้อได้อย่างรวดเร็ว
  6. มาสก์หน้า: ใช้สำหรับการดูแลผิวเป็นครั้งคราว ช่วยให้สารบำรุงซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างลึก มาสก์หน้าสำหรับสิวมักมีส่วนผสมของโคลนหรือถ่านที่ช่วยดูดซับสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกินบนผิวหน้า

ส่วนประกอบที่ควรมองหาในสกินแคร์รักษาสิว

ส่วนประกอบที่ควรมองหาในสกินแคร์รักษาสิว

การเลือกสกินแคร์รักษาสิวที่มีส่วนประกอบที่เหมาะสมจะช่วยให้การรักษาสิวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ส่วนประกอบต่างๆ ที่มีในผลิตภัณฑ์สกินแคร์มีหน้าที่ที่แตกต่างกันไป ดังนั้นควรเลือกให้เหมาะสมกับประเภทสิวและสภาพผิวของคุณ ส่วนประกอบหลักที่ควรมองหาในสกินแคร์รักษาสิว ได้แก่:

  1. Benzoyl Peroxide: เป็นหนึ่งในสารที่มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาสิว ช่วยฆ่าแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิวและช่วยลดการอักเสบ มักพบในครีมหรือเจลที่ใช้บำรุงผิว
  2. กรด Salicylic Acid: กรดนี้ช่วยในการลอกเซลล์ผิวที่ตายแล้วและทำความสะอาดรูขุมขน ช่วยป้องกันการอุดตันที่นำไปสู่การเกิดสิว พบได้ทั่วไปในโทนเนอร์และเจลล้างหน้า
  3. กรด AHAs: กรดชนิดนี้ ที่นิยมใช้ ได้แก่ กรดไกลโคลิกและกรดแลคติก มีคุณสมบัติช่วยในการลอกผิวเบาๆ ช่วยให้ผิวเรียบเนียนและลดรอยดำจากสิว
  4. Niacinamide: ช่วยในการลดการอักเสบและลดผลกระทบจากสิวที่ทิ้งรอยแดงหรือรอยดำไว้บนผิว
  5. สารสกัดจากชาเขียว (Green Tea Extract): มีสารป้องกันอนุมูลอิสระและช่วยลดการอักเสบของผิว ทำให้เป็นส่วนประกอบที่ดีสำหรับผลิตภัณฑ์รักษาสิวสำหรับผิวบอบบาง
  6. น้ำมันต้นชา (Tea Tree Oil): มีคุณสมบัติในการต้านเชื้อแบคทีเรีย ช่วยลดการอักเสบและเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการสกินแคร์จากส่วนประกอบธรรมชาติในการดูแลผิวพรรณ

การเลือกใช้สกินแคร์อย่างเหมาะสมตามประเภทสิว

การเลือกใช้สกินแคร์อย่างเหมาะสมตามประเภทสิว

การเลือกสกินแคร์ที่เหมาะสมตามประเภทของสิวเป็นกุญแจสำคัญในการดูแลผิวพรรณให้ห่างไกลจากปัญหาสิวที่เรื้อรังและซับซ้อน การเข้าใจลักษณะและสาเหตุของสิวแต่ละประเภทจะช่วยให้คุณเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์และมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการรักษา นี่คือแนวทางในการเลือกใช้สกินแคร์ตามประเภทของสิว

  • สิวหัวขาว และ สิวหัวดำ: เกิดจากรูขุมขนที่อุดตันด้วยน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว สำหรับประเภทสิวเหล่านี้ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ กรดซาลิไซลิก เพื่อช่วยขจัดสิ่งอุดตันในรูขุมขน การใช้เจลล้างหน้าหรือโทนเนอร์ที่มีสารต้านการอุดตันจะช่วยในการควบคุมความมันและป้องกันการเกิดสิวใหม่
  • สิวอักเสบ: เกิดจากการอักเสบที่รุนแรงกว่า ซึ่งอาจปรากฏเป็นปุ่มแดงหรือมีหนอง สำหรับสิวประเภทนี้ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี เบนโซอิล เพอร์ออกไซด์ เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ ไฮโดรคอร์ติโซน สามารถช่วยลดอาการบวมและระคายเคืองได้
  • สิวซีสต์ และ สิวหนองขนาดใหญ่: เป็นสิวที่รุนแรงและอาจต้องการการดูแลจากแพทย์ผิวหนัง สำหรับการดูแลที่บ้าน ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองเพิ่มเติม หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมรุนแรง และอาจใช้ซีรั่มที่มี ไฮยาลูโรนิก แอซิด เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและสร้างสมดุลให้ผิว

คำแนะนำในการใช้สกินแคร์รักษาสิวอย่างมีประสิทธิภาพ
คำแนะนำในการใช้สกินแคร์รักษาสิวอย่างมีประสิทธิภาพ

การใช้สกินแคร์รักษาสิวอย่างมีประสิทธิภาพต้องอาศัยความเข้าใจเกี่ยวกับสภาพผิวและความต้องการของผิวที่แท้จริง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

  • ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน: ใช้เจลหรือโฟมล้างหน้าที่อ่อนโยนและมีส่วนผสมที่ช่วยป้องกันการเกิดสิว เช่น กรดซาลิไซลิก ล้างหน้าทุกเช้าและก่อนนอน เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและความมันที่สะสมบนผิวหน้าให้สะอาดอยู่เสมอ
  • ใช้โทนเนอร์ปรับสภาพผิว: เลือกโทนเนอร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์และมีส่วนผสมที่ช่วยลดความมันและปรับสภาพผิวให้สมดุล เช่น กรดไฮยาลูโรนิก หรือกรดซาลิไซลิก โทนเนอร์จะช่วยเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการดูดซึมสกินแคร์ขั้นตอนต่อไปได้ดีขึ้น
  • ใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมรักษาสิว: ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเบนโซอิล เพอร์ออกไซด์หรือกรดซาลิไซลิก หรือนิโคตินาไมด์ สำหรับรักษาสิวเฉพาะจุดหรือเป็นซีรั่มเพื่อลดการอักเสบและช่วยให้สิวแห้งเร็วขึ้น ใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เฉพาะบริเวณที่มีสิว
  • รักษาความชุ่มชื้นของผิว: ใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะสมกับผิวมันหรือผิวที่มีสิว มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนผสมเช่น ไฮยาลูโรนิก แอซิด จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นโดยไม่ทำให้เกิดสิวเพิ่ม และเป็นวิธีรักษาแผลเป็นสิว
  • ใช้ครีมกันแดดเฉพาะผิวมันหรือผิวเป็นสิว: การปกป้องผิวจากแสงแดดเป็นสิ่งสำคัญ ควรใช้ครีมกันแดดที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันและเหมาะสำหรับผิวเป็นสิว เพื่อป้องกันการเกิดรอยดำหรือรอยแดงจากสิวที่ยังไม่หาย
  • หลีกเลี่ยงการแตะหน้าบ่อย: พยายามไม่แตะหน้าบ่อยๆ เพื่อป้องกันการนำเชื้อโรคและสิ่งสกปรกที่อาจติดอยู่บนมือไปสู่ผิวหน้า ซึ่งอาจทำให้สิวเพิ่มขึ้น

ข้อควรระวังเมื่อใช้สกินแคร์รักษาสิว

ข้อควรระวังเมื่อใช้สกินแคร์รักษาสิว

การใช้สกินแคร์รักษาสิวอย่างไม่ถูกต้องอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ รวมถึงทำให้สภาพสิวแย่ลง ดังนั้นการทราบข้อควรระวังต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญในการดูแลผิวที่มีปัญหาสิว

  • เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม: ไม่ใช่ทุกผลิตภัณฑ์สำหรับรักษาสิวจะเหมาะกับทุกประเภทผิว สิ่งสำคัญคือการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับประเภทผิวของคุณ และคำนึงถึงส่วนผสมที่อาจทำให้เกิดการแพ้หรือระคายเคือง
  • ทดสอบผลิตภัณฑ์ก่อนใช้ทั่วหน้า: ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ทั่วใบหน้า ควรทดสอบบนพื้นที่เล็กๆ ของผิวหลังหูหรือบนข้อมือเพื่อดูว่ามีอาการแพ้หรือระคายเคืองหรือไม่
  • ระมัดระวังในการใช้สารเคมีหลายชนิดพร้อมกัน: การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีหลายชนิดพร้อมกันอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง ควรใช้ผลิตภัณฑ์หนึ่งชนิดในแต่ละครั้ง หรือปรึกษาแพทย์ก่อนเพิ่มผลิตภัณฑ์อื่นๆ เข้าไป
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสแดดมากเกินไป: ผลิตภัณฑ์บางชนิดเช่น เบนโซอิล เพอร์ออกไซด์และกรดซาลิไซลิก อาจทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น ควรใช้ครีมกันแดดทุกครั้งเมื่อออกนอกบ้าน และหลีกเลี่ยงการให้ผิวได้รับแสงแดดจัดเป็นเวลานาน
  • หลีกเลี่ยงการบีบหรือแกะสิว: การบีบหรือแกะสิวอาจดูเป็นวิธีแก้ปัญหาที่รวดเร็ว แต่จริงๆ แล้วมันอาจทำให้สภาพสิวแย่ลงและทิ้งรอยแผลเป็น แทนที่จะบีบหรือแกะ ควรใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่ออกฤทธิ์เฉพาะจุด
  • ปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ตามความต้องการของผิว: ผิวของคุณอาจเปลี่ยนแปลงตามสภาพอากาศ ฮอร์โมน หรือปัจจัยอื่นๆ ควรปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผิวในช่วงเวลานั้นๆ

การรักษาสิวให้ได้ผลดีที่สุดนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับการหาผลิตภัณฑ์ที่แพงที่สุดหรือที่มีส่วนผสมมากที่สุด แต่เป็นการเลือกใช้ สกินแคร์รักษาสิว ที่เหมาะสมกับชนิดของสิวและสภาพผิวของคุณ รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นอย่างต่อเนื่องและถูกวิธี เราหวังว่าคำแนะนำในบทความนี้จะช่วยให้คุณสามารถเลือกผลิตภัณฑ์และสร้างรูทีนดูแลผิวที่ตอบโจทย์ปัญหาสิวของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากสิวของคุณมีปัญหามากจนคุณไม่สามารถจัดการได้ด้วยตนเอง อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม


คำถามที่พบบ่อย

1. ผลิตภัณฑ์รักษาสิวชนิดใดที่เหมาะกับผิวแพ้ง่าย?

สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมอ่อนโยนและไม่มีน้ำหอม เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีสารออกฤทธิ์หลักเป็นกรดซาลิไซลิกความเข้มข้นต่ำ หรือเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ในระดับที่ไม่ระคายเคือง นอกจากนี้ยังควรมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีป้ายกำกับว่า ‘สำหรับผิวแพ้ง่าย’ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

2. เซรั่มและครีมรักษาสิวต่างกันอย่างไร?

ซีรั่มรักษาสิวมักมีสารออกฤทธิ์เข้มข้นกว่าและเน้นการรักษาปัญหาผิวเฉพาะจุด เช่น การลดการอักเสบหรือป้องกันการเกิดสิวใหม่ ในขณะที่ครีมรักษาสิวอาจมีส่วนผสมที่อ่อนโยนกว่าและช่วยให้ความชุ่มชื้นพร้อมกับรักษาสิว ครีมจึงเหมาะสำหรับใช้เป็นประจำในขณะที่ซีรั่มอาจใช้เป็นการรักษาเฉพาะจุด

3. จำเป็นต้องใช้โทนเนอร์เพื่อรักษาสิวหรือไม่?

โทนเนอร์ไม่จำเป็นต้องใช้ในทุกกรณี แต่สามารถช่วยปรับสภาพผิวและลดความมันส่วนเกินได้ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว หากคุณเลือกใช้โทนเนอร์ เลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์และมีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงผิว อย่างกรดไฮยาลูโรนิก หรือสารสกัดจากชาเขียวเพื่อลดการระคายเคือง

4. การใช้สกินแคร์หลายชนิดพร้อมกันอาจทำให้เกิดปัญหาผิวเพิ่มเติมหรือไม่?

ใช่ การใช้สกินแคร์หลายชนิดพร้อมกันอาจทำให้ผิวหน้าระคายเคืองและทำให้ปัญหาสิวแย่ลงได้ ควรเริ่มต้นด้วยผลิตภัณฑ์เพียงชนิดหนึ่งหรือสองชนิดและดูว่าผิวของคุณตอบสนองอย่างไร หากต้องการเพิ่มผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมให้ทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปและสังเกตุการตอบสนองของผิว


อ้างอิง

Share:

Facebook
Twitter
Pinterest
LinkedIn

Leave a Reply

OUR RECENT POSTS

Social Media

Categories

Related Posts